มิจฉาสังกัปปะ เป็นอย่างไร?
สังกัปปะมี ๒ อย่าง คือ มิจฉาสังกัปปะ กับ สัมมาสังกัปปะ
มิจฉาสังกัปปะได้แก่ กาม พยาบาท หรือเบียดเบียนที่เข้ามาหมายถึงเรื่องของจิตนะ ไม่ใช่เรื่องทางกาย ยังไม่ถึงทางกาย
เพราะฉะนั้น เบียดเบียนจึงเป็นแค่ความรู้สึกอยากจะให้มันหาย อยากจะให้มันชัด อยากจะให้มันเกิด แค่นั้นเอง
สังกัปปะเป็นเรื่องของจิต จิตพอใจ ดีใจ ชอบใจ
เรียกว่า กามสังกัปปะ เป็นกามตัณหา
ส่วนอยากได้ อยากเป็น อยากเห็น อยากดูให้มันชัด เป็นภวตัณหา ในสังกัปปะท่านเรียกว่าเบียดเบียน เป็นวิหิงสาสังกัปปะ
ความรู้โกรธ โมโห ไม่พอใจ ตามอำนาจของอารมณ์ที่เราไม่ชอบ หรืออารมณ์ที่ชอบแล้วไม่ได้ หรือได้แต่มันพลัดพรากไป เขาเรียกว่า พยาปาทสังกัปปะ
ไม่ใช่หมายความว่าจะต้องคิดไปทำร้ายใครเขา แต่ว่าไม่พอใจ โกรธ โมโห นี่แหละเป็นเหตุ เป็นเหตุอย่างไร
เป็นเหตุตรงที่อยากให้มันหาย อยากทำลาย พออยากให้มันหาย อยากทำลายก็เลยเบียดเบียน เรียกว่า “วิหิงสาสังกัปปะ” เป็นวิภวตัณหาแล้ว แต่เป็นแค่สภาวะจิตหรือเป็นแค่จิต ทั้งหมดเหล่านี้เป็น “มิจฉาสังกัปปะ”
ดังนั้น ต้องทำให้เป็นสัมมาสังกัปปะ คือ ต้องทำลายมิจฉาสังกัปปะออกไป ถ้าทำได้สำเร็จ เท่ากับว่าสามารถทำลายตัณหาและพยาบาทออกไปได้ทั้งหมด
ถ้าเป็นการฝึกสมาธินอกระบบการตรัสรู้ ที่ไม่ใช่การทำให้มรรค ๘ เกิด เมื่อได้สมาธิแล้ว พอใจ ดีใจ ชอบใจ กามเกิดแล้ว บางกลุ่มเข้าใจผิดก็หลงใหลเพลิดเพลินยินดีอยู่
บางกลุ่มที่รู้ว่าเป็นกาม ก็แสวงหาทางออกด้วยการเปลี่ยนอารมณ์ มาพิจารณาอสุภบ้าง เพ่งศพบ้าง เพ่งกระดูกบ้าง เพื่อให้จิตคลายจากกาม ให้เห็นความสกปรก น่ารังเกียจ น่าสะอิดสะเอียนของกายแทน
อย่างนั้นคลายกำหนัดในกามได้บ้างก็จริง แต่ใช่ว่าจะสามารถดับกามได้ เป็นเพียงแต่สะกดไว้ด้วยจินตสมาธิ(หมายถึงสมาธิที่เกิดขึ้นกับจิต)เท่านั้น กามยังคงอยู่ เป็นแต่จินตามยปัญญา
เป็นเพียงแค่ตรวจสอบไม่เห็นกาม ก็เข้าใจเอาเองว่ากามไม่มีแล้ว และคิดว่ากามต้องเป็นเรื่องของเพศเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจเอาเองและเข้าใจผิด เมื่อใดก็ตามจินตสมาธิที่สะกดไว้อ่อนหรือหมดกำลัง กามก็จะปรากฏตัวให้เห็นได้อีกอยู่ดี
ธรรมเทศนา
หลวงพ่อชัชวาลชินสโภ
อธิบดีสงฆ์แห่งพุทธวิหารศูนย์กลางการศึกษาวิปัสสนาธุระ