สำนักปฏิบัติธรรมต้นแบบ : พุทธวิหารศูนย์กลางการศึกษาวิปัสสนาธุระ
พุทธวิหารศูนย์กลางการศึกษาวิปัสสนาธุระ ได้รับการสถาปนาขึ้นเพื่อเป็น สำนักปฏิบัติธรรมต้นแบบ ที่มีความพร้อมทั้งด้านสถานที่และบุคลากร เพื่อเผยแพร่การปฏิบัติวิปัสสนาธุระสู่ประชาชนทั่วไป โดยมีรายละเอียดดังนี้
ที่มา (Origin)
พุทธวิหารฯ ตั้งอยู่บน เนื้อที่ธรณีสงฆ์ของวัดหนองทองทราย ตำบลดงละคร อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก ซึ่งพื้นที่แห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนในนาม ที่พักสงฆ์ธรรมจักร มาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2527
การก่อตั้งเริ่มต้นมาจาก คุณแม่ชอุ่ม เฉลิมศักดิ์ และแม่ชีมาลี เฉลิมศักดิ์ สองพี่น้องผู้มีจิตศรัทธา ทั้งสองท่านได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมที่วัดร่ำเปิงกับ ท่านอาจารย์เจ้าคุณธรรมมังคลาจารย์ (หลวงปู่ทอง สิริมังคโล) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองในปัจจุบัน เกิดความเลื่อมใสอย่างยิ่ง จึงมีความปรารถนาที่จะให้จังหวัดนครนายกมีสถานที่ปฏิบัติธรรมบ้าง
- จุดเริ่มต้นของการถวายที่ดิน: แรกเริ่มคุณยายมาลีซึ่งเป็นแม่ชีได้ปรารภว่าจะถวายที่ดินของท่านจำนวนกว่า 50 กว่าไร่ ซึ่งเป็นท้องนา เพื่อทำสำนักปฏิบัติธรรม แต่หลวงปู่ทองพิจารณาแล้วเห็นว่าพื้นที่เป็นท้องนาคงดำเนินการได้ลำบากจึงยังไม่ได้รับ คุณยายชอุ่มจึงเสนอที่จะถวายที่ดินของท่านซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณ ดงละคร (ที่เป็นที่ตั้งปัจจุบันนี้) และหลวงปู่ทองก็รับงานนี้ การก่อสร้างจึงได้เริ่มต้นขึ้น1
- การดำเนินการก่อสร้าง: ต่อมา หลวงปู่ทอง สิริมังคโล (ขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์เป็น พระราชพรหมมาจารย์) ได้มอบหมายและเสนอสถานที่แห่งนี้ให้ พระปลัดชัชวาล ชินสี เป็นผู้ดำเนินการสร้างสำนักวิปัสสนากรรมฐานตั้งแต่ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2536 โครงการนี้ได้รับการอนุมัติจาก ท่านอาจารย์พระพันตะ อาสภมหาเถระ อัคคกรรมฐานาจริยะ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2537
- การเปิดอย่างเป็นทางการ: พุทธวิหารศูนย์กลางการศึกษาวิปัสสนาธุระ ได้ เปิดอย่างเป็นทางการในวันวิสาขบูชาที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2545
หลักการ (Principles)
พุทธวิหารฯ ดำเนินการด้านการเรียนการสอน วิปัสสนาธุระในระดับหวังผล โดยมุ่งเน้นการจัดอบรมวิปัสสนากรรมฐานในรูปแบบของหลักสูตรการศึกษา
- แนวทางการปฏิบัติ: การสอนการปฏิบัตินั้นเป็นไป ตามแนวทางที่พระพุทธองค์ได้ทรงวางเป็นรากฐานไว้ โดยถือว่า วิปัสสนาคือ วิชาการตรัสรู้เพื่อดับทุกข์1 หลักปฏิบัติที่ยึดถือเป็นต้นแบบคือ สติปัฏฐาน 4
- เป้าหมายสูงสุด: เป้าหมายที่แท้จริงของการก่อตั้งศูนย์แห่งนี้ก็เหมือนกับเป้าหมายของผู้ปฏิบัติธรรมทุกคน คือการนำพาผู้ปฏิบัติให้เข้าถึง มรรคผลนิพพาน
- คุณสมบัติของผู้ปฏิบัติ: การปฏิบัติธรรมที่นี่ เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย โดยเน้นย้ำถึง ความสำคัญของ “ศรัทธา” ในการมาฝึกปฏิบัติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่ศรัทธานี้ไม่ได้จำกัดบุคคล ไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุก็สามารถมาปฏิบัติได้
- กฎระเบียบที่เข้มงวด: เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่รบกวนผู้อื่น ที่นี่จึงมีการกำหนดกฎระเบียบที่เข้มงวด เช่น
- ห้ามพูดคุยกันขณะปฏิบัติธรรม โดยเด็ดขาด เพราะอาจรบกวนสมาธิของผู้ปฏิบัติธรรมชั้นสูงที่อยู่ในคัตเตอร์ใกล้เคียงได้
- ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือทุกชนิด ผู้ปฏิบัติจะต้องฝากไว้ที่ฝ่ายธุรการทั้งหมด
- ห้ามสูบบุหรี่
- ห้ามดื่มชา กาแฟ โกโก้
- หากนำปัจจัยติดตัวมา ควรฝากไว้กับเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันการสูญหาย เพราะทางวัดจะไม่รับผิดชอบหากเกิดการสูญหายขึ้น
- ระบบการศึกษาและระดับขั้น: ที่นี่มีการจัดลำดับ ระดับขั้นการศึกษา ในการปฏิบัติ หากผู้ปฏิบัติไม่ผ่านกฎเกณฑ์หรือยังไม่สามารถทำสมาธิญาณให้ตั้งขึ้นได้ดี ก็จะต้องกลับไปก่อน แต่สามารถกลับมาฝึกใหม่ได้ในคอร์สถัดไป อย่างไรก็ตาม หากสมาธิญาณของผู้ปฏิบัติเกิดตั้งขึ้นมาแล้วและสามารถไปได้ดี ครูบาอาจารย์จะส่งเสริมให้ทำต่อไปได้เลยโดยไม่ให้กลับ นอกจากผู้ปฏิบัติจะติดธุระส่วนตัวแล้วขอเดินทางกลับเอง
เหตุผล (Reasons/Objectives)
การจัดตั้งพุทธวิหารศูนย์กลางการศึกษาวิปัสสนาธุระมีเหตุผลและวัตถุประสงค์หลายประการ:
- การเผยแพร่และเป็นต้นแบบ:
- เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบว่ามีสำนักปฏิบัติธรรมที่ ถูกต้องตามหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และจะได้เดินทางมาปฏิบัติ
- เพื่อเป็น “ต้นแบบ” ของสำนักปฏิบัติธรรม ที่มีความพร้อมทั้ง สถานที่ที่เป็นสัปปายะ (เงียบสงบ ร่มรื่น เป็นส่วนตัว เอื้อต่อการเก็บอารมณ์) และมี วิปัสสนาจารย์ผู้มีความรู้ มีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญ ในการสอนการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
- ผลลัพธ์จากการปฏิบัติ: เพื่อให้ผู้ปฏิบัติได้ “พบกับตัวเอง” และสามารถ เห็นการดับอารมณ์ได้ในพริบตา หากกำหนดได้ถูกตามธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือเป็นวิชาที่มหัศจรรย์อย่างยิ่ง
- สิ่งอำนวยความสะดวกและสถานที่:
- มีการจัดเตรียมสถานที่ปฏิบัติและที่พักของผู้ปฏิบัติให้ แยกส่วนกันอย่างชัดเจน สำหรับพระภิกษุสงฆ์ ผู้ปฏิบัติชาย และผู้ปฏิบัติหญิง เพื่อความเป็นสัดส่วนและสะดวกต่อการปฏิบัติ
- มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นอย่างครบถ้วนและเป็นสัปปายะ เช่น
- ห้องพักส่วนตัว ที่มีเตียง กระติกน้ำร้อน พัดลม
- ของใช้ส่วนตัว เช่น สบู่ ยาสระผม แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สามารถเบิกได้ฟรี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว หลวงปู่ทองท่านกล่าวว่า “ถ้าคนนักจะปฏิบัติ ให้มาด้วยใจ เอาแค่ชุดมาก็พอแล้ว” และพร้อมจะ “บิณฑบาตเลี้ยง” ผู้ปฏิบัติได้เลย
- สภาพห้องพักบางห้องดีกว่ารีสอร์ทบางแห่งด้วยซ้ำ
- มี ศาลาต้นไม้ขนาดใหญ่ประมาณ 1 ไร่ สำหรับการปฏิบัติรวมและประกอบพิธีกรรมต่างๆ
- การบริหารจัดการอาหาร:
- มีระบบการจัดการอาหารที่นับว่า เกื้อหนุนการปฏิบัติ เป็นอย่างยิ่ง
- ผู้ปฏิบัติที่พระอาจารย์ยังต้องดูแลเรื่องอารมณ์หรือวิธีการปฏิบัติที่ไม่คล่องนัก จะรับประทานอาหารกันที่ โรงอาหาร
- สำหรับผู้ที่เก็บอารมณ์ได้ดี ทางศูนย์จะมีเจ้าหน้าที่ จัดส่งอาหารใส่ปิ่นโตไปให้ถึงหน้าห้อง โดยที่ผู้ปฏิบัติเพียงแค่เปิดประตูออกมารับประทาน และเมื่อรับประทานเสร็จก็ไม่ต้องล้างภาชนะ ทางเจ้าหน้าที่จะเก็บไปล้างเอง
- อาหารที่นำมาให้ผู้ปฏิบัติจะมาจากโรงครัวภายนอก ซึ่งจะต้องมีการตรวจเช็กความสะอาดเรียบร้อย และจะมีการตักแบ่งถวายพระภิกษุก่อน แล้วจึงตักให้โยคี
- แหล่งน้ำธรรมชาติ: มี แหล่งน้ำธรรมชาติที่ดีที่สุด คือบ่อลูกรังเก่าที่มีความลึกประมาณ 35 เมตร และน้ำซึมออกมาเอง การประปานครหลวงได้นำเครื่องมือที่ทันสมัยมาสำรวจและยืนยันว่าเป็นน้ำดิบที่มีคุณภาพดีมาก บ่อมีพื้นที่ประมาณ 12 ไร่ และน้ำไม่เคยหมดแม้จะแล้งไป 3 ปี
- ความสะดวกในการเดินทาง: ตั้งอยู่ ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ทำให้มีความสะดวกอย่างยิ่งในการเดินทางสำหรับผู้ที่ต้องการปฏิบัติธรรม สามารถขับรถจากกรุงเทพฯ ไปตามเส้นรังสิต-นครนายก ถึงตำบลดงละครและเห็นป้ายพุทธวิหารได้ง่าย
- สภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ: โครงการนี้ใช้ “ต้นไม้เป็นเพดานและหลังคา” สร้างบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ มีการปลูกไม้บางชนิด เช่น ต้นพิกุลและต้นกาสะลอง ที่มีกลิ่นหอม ช่วยดับกลิ่นและคายออกซิเจนออกมาตลอดทั้งวัน ทำให้บรรยากาศสดชื่น นอกจากนี้ยังมีพื้นที่รอบๆ เป็นป่าให้สามารถออกมาเดินเปลี่ยนอารมณ์ได้อย่างเย็นสบาย
- การเผยแพร่และเป็นต้นแบบ: