ในเมื่อจิตไปจับอาการอาการก็ปรุงแต่งจิต

ในเมื่อจิตไปจับอาการ อาการก็ปรุงแต่งจิตให้รู้สึกตามอาการ ตรงรู้สึกตามอาการนั่นละมันเลยเป็นทุกข์ อันนั้นก็เป็นปรมัตถ์เหมือนกัน เพราะมันไปจับก้อนอาการ ก้อนอาการเกิดขึ้นมันก็เลยรู้ว่าเกิด ก้อนอาการเสื่อมก็รู้ว่าเสื่อม ก้อนอาการดับก็เลยดับตาม

ตรงนั้นเป็นปรมัตถ์ไม่ว่าจะเป็นอาการได้ยิน อาการได้กลิ่น อาการรู้รสหรืออาการคิด อาการนึก อาการดีใจ เสียใจ จิตไปจับอาการหงุดหงิดก็เลยรู้สึกหงุดหงิด ถ้ามันไม่จับอาการหงุดหงิด มันจะหงุดหงิดไหม

ดังนั้นอาการหงุดหงิด มันเลยเป็นเหตุแห่งทุกข์ รู้สึกหงุดหงิดก็เลยเป็นทุกข์ อาการหงุดหงิดมันก็เป็นรูป เพราะจิตไปกินรูป ไปกินอารมณ์ อาการเห็น อาการได้ยิน อาการได้กลิ่น อาการรู้รส ทั้งหมดคือรูป

แต่พอจิตไปกินรูป รูปก็เลยปรุงแต่งจิตให้รู้สึกตามความรู้สึกตามอาการเหล่านั้นซึ่งเป็นความรู้สึกของเรา เราก็เลยทุกข์ตามเขาหรือไปกินอาการดีใจก็รู้สึกดีใจ ดีใจก็เป็นทุกข์

เพราะมันมีการเกิดดีใจก็เป็นทุกข์เพราะมันมีการเกิด การเสื่อมการดับเหมือนกัน นั่นเป็นลักษณะของทุกข์ เพราะฉะนั้นลักษณะของทุกข์กับปรมัตถ์มันจึงเหมือนกัน

ธรรมเทศนาโดยหลวงพ่อชัชวาลชินสโภเจ้าอาวาสวัดพระธรรมจักรวันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน 2565ขึ้น๑๕ค่ำเดือนสิบสอง(๑๒) ปีขาล

Scroll to Top