ดอกบัว 4 เหล่า

พระองค์เสด็จไปที่ใต้ต้นไทร (อชปาลนิโครธ) อีกครั้งหนึ่ง ณ ที่นี้ทรงตัดสินพระทัยว่า จะเทศนาสั่งสอนวิชาการดับทุกข์ที่ทรงตรัสรู้ดีไหม เพราะพิจารณาดูโดยรวมแล้ว ทรงรู้สึกว่าความเป็นจริงที่พระองค์ตรัสรู้นั้น ลึกซึ้งมากยิ่งนัก ยากต่อการที่จะมีผู้รู้ตามได้ ทรงรู้สึกว่าการ

สอนถึงขั้นให้ได้ผล เป็นเรื่องที่ยากมาก การที่พระองค์จะสละการปรินิพพานในขณะนั้นเพื่อทำการสอน น่าจะเป็นไปได้โดยยาก อาจจะเหนื่อยเปล่า

ที่สุดพระองค์ทรงแยกปัญญาแห่งมวลมนุษย์ออกเป็น ๔ กลุ่ม เปรียบดังดอกบัว ๔ จำพวก ดังนี้

กลุ่มที่ ๑ อุคฆฏิตัญญู ผู้มีปัญญาดีเยี่ยม บุคคลพวกนี้อินทรีย์แก่มากที่สุดแล้ว เพียงแค่ฟังหัวข้อธรรมโดยย่อเท่านั้น ก็สามารถรู้ธรรม นำสู่การปฏิบัติจนถึงมรรคผล นิพพานได้ เวลาปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณจะเริ่มที่พลวอุทยัพพยญาณ คืออุทยัพพยญาณอย่างแก่ เปรียบเหมือนดอกบัวที่พ้นน้ำแล้ว เพียงต้องแสงอาทิตย์ก็เบ่งบานในฉับพลัน วิปัสสนาญาณในการปฏิบัติจึงมี ๙ ญาณ

กลุ่มที่ ๒ วิปจิตัญญู คือกลุ่มผู้มีปัญญาดี อินทรีย์แก่ไม่มาก ฟังธรรมโดยย่อยังไม่เข้าใจ ต้องอธิบายขยายความให้พิสดารลึกซึ้งจึงเข้าใจ สามารถนำสู่การปฏิบัติจนถึงให้ผลสูงสุดได้ เวลาปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณจะเริ่มที่พลวสัมมสนญาณ คือสัมมสนญาณแก่ ๆ เปรียบเหมือนดอกบัวที่อยู่เสมอน้ำ จะพ้นน้ำและบานในวันต่อไป วิปัสสนาญาณในการปฏิบัติจึงมี ๑๐ ญาณ

กลุ่มที่ ๓ เนยยะ คือกลุ่มผู้มีปัญญา มีอินทรีย์อ่อนแต่สามารถปรับพัฒนาให้เจริญขึ้นจนแก่ได้ กลุ่มนี้ฟังธรรมโดยย่อไม่เข้าใจ อธิบายขยายความให้พิสดารลึกซึ้งก็ยังไม่เข้าใจ ต้องอธิบายขยายความซ้ำ ๆ บ่อย ๆ จึงเข้าใจและนำสู่การปฏิบัติจนถึงให้ผลสูงสุดได้ เวลาปฏิบัติธรรม

วิปัสสนาญาณจะเริ่มที่นามรูปปริจเฉทญาณ เปรียบเหมือนดอกบัวที่ยังอยู่ใต้น้ำแต่เริ่มแก่แล้ว ไม่นานก็จะพ้นน้ำในวันต่อ ๆ ไป และจะบานในที่สุด วิปัสสนาญาณในการปฏิบัติจึงมี ๑๖ ญาณ

ในสามกลุ่มนั้น เฉพาะผู้ได้ฌานที่เรียกว่า “ฌานลาภี” ผู้มีฌานเป็นสมบัติ สามารถศึกษาวิปัสสนาญาณ พิเศษ ๘ ญาณ เช่น มโนมยิทธญาณ อิทธิวิธิญาณ เป็นต้น

กลุ่มที่ ๔ ปทปรมะ คือกลุ่มผู้ที่ปัญญาในการตรัสรู้ตามยังไม่มี อินทรีย์อ่อนสุด ยังไม่สามารถที่จะพัฒนาให้แก่ถึงขีดสุดได้ กลุ่มนี้จะฟังธรรมอย่างไร ๆ ก็ไม่สามารถนำสู่การปฏิบัติ จนถึงให้ผลสูงสุด คือ มรรคผลนิพพานได้เวลาปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณจะเริ่มที่นามรูปปริเฉทญาณ

แต่จะพัฒนาได้ไม่เกินปัจจยปริคคหญาณ เปรียบเหมือนดอกบัวที่เพิ่งจะโผล่ออกมาจากโคลนตม ยังอ่อนอยู่ดอกบัวกลุ่มนี้อาจจะเป็นเหยื่อของเต่าของปลาได้ แต่ถ้าพัฒนาให้เติบโตพ้นจากวัยแห่งเหยื่อเต่าปลา ก็จะสามารถ พ้นน้ำและบานได้ในที่สุด

จากหนังสือ พระธรรมจักรเทศนาฎีกา ชินสภเถระ พธ.บ. ๓๕ หน้า 14-15

Scroll to Top